เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวาร แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคล
นี้เปรียบฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม แม้บริษัทของเขาก็เป็นคน
มีศีล มีกัลยาณธรรม อย่างนี้แล บุคคลเป็นดุจไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวาร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวาร แม้ฉันใด เรากล่าว
บุคคลนี้เปรียบฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยต้นไม้ 4 จำพวกนี้แล มี
ปรากฏอยู่ในโลก.
จบรุกขสูตรที่ 9

อรรถกถารุกขสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในรุกขสูตรที่ 9 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เผคฺคุ เผคฺคุปริวาโร ความว่า ต้นไม้กะพี้ไม่มีแก่นมีต้นไม้
กะพี้ด้วยกันห้อมล้อม. บทว่า สารปริวาโร ความว่า ต้นไม้มีแก่นมีไม้
ตะเคียนเป็นต้นห้อมล้อม. ในบททั้งปวงก็นัยนี้.
จบอรรถกถารุกขสูตรที่ 9

10. อาสิวิสสูตร


ว่าด้วยบุคคลเปรียบด้วยอสรพิษ 4 จำพวก


[110] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสรพิษ 4 จำพวกนี้ 4 จำพวก เป็นไฉน
คือ อสรพิษมีพิษแล่นพิษไม่ร้ายจำพวก 1 อสรพิษมีพิษร้ายพิษไม่แล่น
จำพวก 1 อสรพิษมีพิษแล่นด้วยพิษร้ายด้วยจำพวก 1 อสรพิษมีพิษไม่แล่นพิษ
ไม่ร้ายจำพวก 1

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสรพิษ 4 จำพวกนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลเปรียบด้วยอสรพิษ
จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก 4 จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลดุจอสรพิษมีพิษ
แล่นพิษไม่ร้ายจำพวก 4 บุคคลดุจอสรพิษมีพิษร้ายพิษไม่แล่นจำพวก 1 บุคคล
ดุจอสรพิษมีพิษแล่นด้วยพิษร้ายด้วยจำพวก 1 บุคคลดุจอสรพิษมีพิษไม่แล่น
พิษไม่ร้ายจำพวก 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจอสรพิษมีพิษแล่นพิษไม่ร้าย
อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมโกรธเนือง ๆ แต่ความโกรธของเขานั้น
ไม่นอนเนื่องอยู่นาน อย่างนี้แล บุคคลเป็นดุจอสรพิษ มีพิษแล่นพิษไม่
ร้าย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสรพิษมีพิษแล่นพิษไม่ร้าย แม้ฉันใด เรากล่าว
บุคคลนี้เปรียบฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจอสรพิษมีพิษร้ายพิษไม่แล่นอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่โกรธเนือง ๆ ทีเดียว แต่ความโกรธของเขานั้นนอน
เนืองอยู่นาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล บุคคลเป็นดุจอสรพิษมีพิษ
ร้ายพิษไม่แล่น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสรพิษมีพิษร้ายพิษไม่แล่น แม้ฉันใด
เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจอสรพิษมีพิษแล่นด้วยมีพิษร้าย
ด้วยอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมโกรธเนือง ๆ และความโกรธของเขา
นั้นนอนเนื่องอยู่นาน อย่างนี้แล บุคคลเป็นดุจอสรพิษมีพิษแล่นด้วยพิษ
ร้าย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสรพิษมีพิษแล่นด้วยพิษร้ายด้วย แม้ฉันใด เรา
กล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจอสรพิษมีพิษไม่แล่นพิษไม่ร้าย
อย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่โกรธเนืองๆ ทั้งความโกรธของเขานั้นก็ไม่

นอนเนื่องอยู่นาน อย่างนี้แล บุคคลเป็นดุจอสรพิษไม่แล่นพิษไม่ร้าย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสรพิษมีพิษไม่แล่นพิษไม่ร้าย แม้ฉันใด เรากล่าว
บุคคลนี้เปรียบฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยอสรพิษ 4 จำพวกนี้แล มี
ปรากฏอยู่ในโลก.
จบอาสีวิสสูตรที่ 10
จบวลาหกวรรคที่ 1

อรรถกถาอาสีวิสสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอาสีวิสสูตรที่ 10 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อาคตวิโส น โฆรวิโส ความว่า พิษของอสรพิษแล่น
แต่ไม่ร้าย ไม่เบียดเบียนตลอดกาลนาน. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้แล.
จบอรรถกถาอาสีวิสสูตรที่ 10
จบวลาหกวรรควรรณนาที่ 1

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1. ปฐมวลาหกสูตร 2. ทุติยวลาหกสูตร 3. กุมภสูตร 4. อุทก-
รหทสูตร 5. อัมพสูตร (สูตรที่ 6 ขาดไป) 7. มุสิกาสูตร 8. พลิพัทท-
สูตร 9. รุกขสูตร 10. อาสีวิสสูตร และอรรถกถา.